ด็อกเตอร์ลูซี่ โฮน (Lucy Hone) สูญเสียลูกสาวอายุ 12 ขวบในอุบัติเหตุรถยนต์ ในเช้าวันแม่ปี 2014
การสูญเสียลูกอย่างกะทันหัน นับเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสเพราะคนเป็นพ่อแม่ มักวาดภาพฝันให้ลูกเติบโตงดงาม และคาดหวังให้เราเป็นผู้ไปก่อน

ตลกร้ายก็คือ ลูซี่เป็นนักวิจัยเรื่อง Resilience (ความยืดหยุ่นเข้มแข็งทางจิตใจ) ผู้ซึ่งอุทิศตนในการใช้ความรู้ช่วยเพื่อนมนุษย์ผู้ทุกข์ยากให้ได้เยียวยา และลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
แต่วันนั้น ลูซี่ได้รับบททดสอบของชีวิต เธอกลายเป็นผู้ต้องรบการเยียวยาเสียเอง
เธอโยนคำแนะนำและทฤษฎีจาก “ผู้เชี่ยวชาญ” ทั้งหลายทิ้งไป เพราะเธอรู้สึกว่ามันไม่ช่วยอะไรมาก มีแต่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนผู้ถูกกระทำ สิ้นหวัง และไร้พลัง
สิ่งที่เธอต้องการคือความหวัง และวิธีฟันฝ่าความทุกข์นี้ไปได้
เธอตัดสินใจว่าจะเรียนรู้และหาวิธีช่วยตัวเองให้รอดจากประสบการณ์นี้ และเธอก็ได้ข้อสรุปมา 3 ข้อ จากการเดินผ่านวันที่มืดมนมาด้วยตัวเอง
และนี่คือเคล็ดลับ 3 ข้อที่จะทำให้เราทุกคนมี Resilience เพิ่มขึ้น นั่นคือมีความเข้มแข็งยืดหยุ่นทางใจ ล้มแล้วลุกได้อย่างมั่นคง
ลูซี่บอกว่า คนที่มีความเข้มแข็งยืดหยุ่นทางใจจะคือคนที่ฝึกมองให้เห็นว่า:
1. ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต — ไม่มีใครเลยไม่เคยทุกข์ คนที่เห็นความจริงข้อนี้จะไม่มองว่าโลกกลั่นแกล้งตน แทนที่เธอจะวนคิดว่า “ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดกับฉันด้วย” เธอกลับคิดว่า “แล้วทำไมเรื่องนี้จะเกิดกับฉันไม่ได้ด้วยเล่า (ทำไมฉันต้องพิเศษกว่าคนอื่นเล่า)” ตอนที่เสียลูกไป เธอบอกตัวเองว่า “นี่คือความจริงของชีวิตในตอนนี้ เป็นเวลาที่ฉันต้องเลือกว่าจะจมน้ำหรือว่ายน้ำ”
น่าเสียดายที่ความจริงข้อนี้เห็นได้ยากขึ้นทุกวัน เพราะเราต่างหันแต่ด้านที่สวยงามของชีวิตมาอวดกันในสื่อโซเชียล เราพยายามให้ตัวเองเชื่อว่าชีวิตที่ดีต้องสดใสสวยงาม แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย
2. เราสามารถเลือกโฟกัสในสิ่งดี – สมองมนุษย์มีต่อมเตือนภัยให้เราสังเกตเรื่องร้ายได้ชัด เพราะนั่นคือกลไกที่ช่วยให้เราอยู่รอดจากการถูกเสือกินมาตั้งแต่ยุคมนุษย์ถ้ำ แต่ในปัจจุบันแม้ไม่ถูกเสือกินแล้ว ต่อมเตือนภัยอาจทำงานค้าง เพราะเรารับข่าวแย่ๆ ในสื่อตลอดเวลา และสมองเราแยกแยะไม่ได้ว่านั่นคือแค่ข่าวหรือสิ่งที่เกิดจริงกับตัวเอง
คนที่มีความเข้มแข็งยืดหยุ่นทางใจไม่ได้ปฏิเสธข่าวร้าย แต่ก็เลือกสอนให้สมองหัดโฟกัสในสิ่งที่เป็นบวกด้วย ตอนนั้นลูกซี่ย้ำเตือนกับตัวเองว่า “ฉันจะถูกกลืนกินไปกับทุกข์นี้ไม่ได้นะ ฉันต้องรอด ยังมีสิ่งดีๆ รออยู่ในชีวิตมากมาย อย่างน้อยลูกสาวฉันก็ไม่ได้ตายอย่างช้าๆด้วยโรคร้ายที่ทรมานเธอ ครอบครัวและเพื่อนฝูงต่างเห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือเรา และเรายังมีลูกชายอีกสองคนที่ต้องการเรามาก”
3. สิ่งที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ ช่วยฉันหรือฉุดฉัน – มันง่ายมากที่จะเผลอจมกับความเศร้าโศก คนที่มีความเข้มแข็งยืดหยุ่นทางใจจะฝึกหยุดสำรวจตัวเองแล้ว “เป็นผู้เลือก” หลายคืนที่ลูซี่เผลอนั่งดูรูปเก่าๆ ของลูกสาว จิตใจก็เคล้าไปกับความเศร้า เมื่อเธอรู้ตัว เธอจะถามตัวเองว่า “ที่มานั่งดูรูปอยู่
แบบนี้ มันช่วยฉันหรือฉุดฉัน” แล้วเธอก็เลือกบอกตัวเองว่า “เอารูปไปเก็บซะแล้วเข้านอนเถิด จงใจดีกับตัวเองด้วย” ฝึกถามตัวเองวันละหลายๆ ครั้ง
ดร. ลูซี่ บอกว่า resilience เป็นสิ่งที่ทุกคนฝึกได้ สิ่งที่คุณต้องการคือความเต็มใจที่จะฝึกและบ่มเพาะให้ตัวเอง
เราทุกคนทำได้ เราสามารถลุกขึ้นเดินต่อได้ แม้จะล้มแรงแค่ไหน
คงไม่มีใครอยากเจอทุกข์ในระดับนี้
แต่รู้ไหมว่า การล้มแล้วลุก เกิดขึ้นเล็กๆ ได้ในชีวิตประจำวันเราเสมอ ทุกครั้งที่เราทำอะไรผิดพลาด
Resilience สัมพันธ์กับ Growth Mindset
ทั้งคู่คือการสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาด เปลี่ยนมันเป็นพลังให้เราเก่งและแกร่งขึ้นได้
Let’s Grow!
#GrowthMindset #GrowthMindsetByInspira #LetsGrow!